เพคตินจากเปลือกสะตอและเหรียง

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2549
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2548
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2549
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2548
ประเภททุนวิจัย งบประมาณรายได้
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ จากการศึกษาชนิดของตัวทำละลายที่เหมาะสมในการสกัดเพคตินจากเปลือกสะตอและ เหรียง โดยใช้ตัวทำละลาย 5 ชนิด คือ กรดซัลฟิวริก กรดไฮโดรคลอริก กรดซิตริก กรดแล็กติก และโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต พบว่า โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสกัดเพคตินจากเปลือกสะตอและเหรียง โดยให้ปริมาณของเพคตินเท่ากับ 19.02 และ 26.80 % ตามลำดับ สำหรับการศึกษาระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมของตัวทำละลายโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต ที่ 2, 4 และ 6 % พบว่า ที่ความเข้มข้นของตัวทำละลาย 6 % จะให้ปริมาณของเพคตินสูงที่สุด ทั้งที่สกัดจากเปลือกสะตอและเหรียง คือ 30.24 และ 54.56 % ตามลำดับ ทำนองเดียวกันเมื่อสกัดโดยใช้กรดซิตริกความเข้มข้น 2, 4, และ 6 % พบว่าที่ความเข้มข้น 6 % จะให้ปริมาณเพคตินสูงสุดทั้งจากเปลือกสะตอและเหรียงคือ 12.48 และ 21.11 % ตามลำดับ สำหรับของผลของอุณหภูมิ (70, 80 และ 90 องศาเซลเซียส) ต่อการสกัดเพคตินจากเปลือกเหรียงเมื่อใช้ตัวทำละลายโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตและกรดซิตริก พบว่าที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส จะให้ปริมาณ เพคตินสูงที่สุด คือ 23.76 และ 21.11 % ตามลำดับ นอกจากนี้จากการศึกษาฤทธิ์ป้องกันแผลกระเพาะอาหารในหนูของเพคตินจากเปลือกสะตอและเหรียงพบว่า ที่ความเข้มข้นของเพคติน 500 mg/kg (p.o.) สามารถยับยั้งแผลกระเพาะอาหารในหนูได้ เท่ากับ 32.5 และ 21.6 % ตามลำดับ จากการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเปลือกสะตอและเหรียงจัดเป็นวัตถุดิบแหล่งใหม่ที่ใช้ในการสกัดเพคตินได้ดีและสามารถนำไปใช้ในการยับยั้งแผลกระเพาะอาหารได้ คำสำคัญ : เพคติน, สะตอ, เหรียง, โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต, กรดซิตริก
รายละเอียดการนำไปใช้งาน จากการศึกษาชนิดของตัวทำละลายที่เหมาะสมในการสกัดเพคตินจากเปลือกสะตอและ เหรียง โดยใช้ตัวทำละลาย 5 ชนิด คือ กรดซัลฟิวริก กรดไฮโดรคลอริก กรดซิตริก กรดแล็กติก และโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต พบว่า โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสกัดเพคตินจากเปลือกสะตอและเหรียง โดยให้ %Yield เท่ากับ 19.02 และ 26.80 ตามลำดับ สำหรับการศึกษาระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมของตัวทำละลาย ในการศึกษาครั้งนี้คัดเลือกตัวทำละลาย 2 ชนิด คือ โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตและกรดซิตริก เพราะจากการศึกษาในเบื้องต้นพบว่าเมื่อใช้ โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต จะให้ %Yield ของเพคตินสูงสุด ส่วนกรดซิตริก เป็นตัวทำละลายที่มีผลข้างเคียงน้อยต่อร่างกาย และให้ลักษณะของเพคตินที่ดี จากการศึกษา เมื่อเปลี่ยนแปลงค่าความเข้มข้นของตัวทำละลายโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตเป็น 2, 4 และ 6 % พบว่า ที่ความเข้มข้นของตัวทำละลาย 6 % จะให้ค่า % Yield ของเพคตินสูงที่สุด ทั้งที่สกัดจากเปลือกสะตอและเหรียง คือ 30.24 และ 54.56 ตามลำดับ ส่วนกรดซิตริกก็ให้ผลในทำนองเดียวกันคือ ที่ความเข้มข้นของตัวทำละลาย 6 % จะให้ค่า % Yield ของเพคตินสูงที่สุด ทั้งที่สกัดจากเปลือกสะตอและเหรียง คือ 12.48 และ 21.11 ตามลำดับ ในส่วนของผลของอุณหภูมิ (70, 80 และ 90 องศาเซลเซียส) ต่อการสกัดเพคตินจากเปลือกเหรียง พบว่าที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส จะให้ค่า % Yield สูงที่สุด ทั้งที่สกัดด้วยโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตและกรดซิตริก คือ 23.76 และ 21.11 ตามลำดับ นอกจากนี้จากการศึกษาฤทธิ์ป้องกันแผลกระเพาะอาหารในหนูของเพคตินจากเปลือกสะตอและ เหรียง พบว่า ที่ความเข้มข้นของเพคติน 500 mg/kg (p.o.) สามารถยับยั้งแผลกระเพาะอาหารในหนูได้ เท่ากับ 32.5 และ 21.6 % ตามลำดับ จากการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเปลือกสะตอและเหรียง จัดเป็นวัตถุดิบแหล่งใหม่ที่ใช้ในการสกัดเพคตินได้ดี
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ดร. ยุทธนา พงษ์พิริยะเดชะคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ0

บทความประชุมวิชาการ

ที่ บทความประชุมวิชาการ ชื่อการประชุม สถานที่จัดการประชุม ปีที่จัดการประชุม (พ.ศ.)
1การพัฒนาผลิตภัณฑ์คุกกี้จากแป้งเนื้อในเมล็ดมะม่วงงานประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 24 ปะจำปี 2557ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครอบ 60 ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา2557