โครงการวิจัย
การพัฒนาไมโครเอนแคปซูเลชันสารออกฤทธิ์จากกัญชงสำหรับใช้ป้องกันและรักษามะเร็งเต้านม
Development of Bioactive Compounds from Hemp (Cannabis sativa L. subsp.) Microencapsulated for Breast Cancer Prevention and Treatment
รายละเอียดโครงการ
| ปีงบประมาณ | 2566 |
| หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
| ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
| ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
| ประเภทงานวิจัย | โครงการประยุกต์ |
| วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2565 |
| วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2566 |
| วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 พฤศจิกายน 2565 |
| ประเภททุนวิจัย | ทุน ววน. |
| สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
| เลขที่สัญญา | |
| เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
| เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
| บทคัดย่อโครงการ | โรคเบาหวานและมะเร็งเต้านมมีความเชื่อมโยงกันผ่านผ่านภาวะฮอร์โมนอินซูลินสูง (hyperinsulinemia) ภาวะอักเสบจากภาวะน้ำหนักเกิน และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศงานวิจัยนี้ศึกษาความสามารถของ enriched fractions ที่แยกได้จากกัญชา (Cannabis sativa L. Subsp.) ในการยับยั้ง α-glucosidase และการยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมสายพันธ์ MCF-7 และ MDA-MB-231 สารสกัดดังกล่าวประกอบไปด้วย tetrahydrocannabinol (THC) cannabidiol (CBD) ฟีนอล ฟลาโวนอยด์ เทอร์พีนอยด์ และอัลคาลอยด์ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากกัญชง (phytochemical compositions) กับฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ α-glucosidase และผลของสารสกัดต่อเซลล์มะเร็งเต้านมสายพันธุ์ MCF-7 และ MDA-MB-231 ผลการศึกษาการยับยั้ง α-กลูโคซิเดส ทั้งชนิดมอลเทสและซูเครสของ พบว่า CL3 มีฤทธิ์ในการยับยั้งดีที่สุด โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 2.15±0.17 และ 0.40±0.09 mg/mL ตามลำดับ ค่า IC50 สูงกว่าตัวควบคุมอะคาร์โบส (IC50 เท่ากับ 3.36±0.90 และ 2.15±0.29 mg/mL ตามลำดับ) โดยมีความต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ขณะที่การศึกษาเพิ่มเติมด้านจลน์ศาสตร์ พบว่า CL3 ยับยั้งเอนไซม์มอลเทสและซูเครสในลำไส้เล็กแบบไม่สามารถแข่งขันได้โดยตรง (uncompetitive) และไม่แข่งขัน (noncompetitive) จากนั้นนำเซลล์มะเร็งมาทดสอบความเป็นพิษของเซลล์ (cell viability assay) ด้วย enriched fractions เป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยใช้วิธี MTT พบว่า สามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ความเข้มข้น 100–200 ppm (p <0.05) ขณะที่ CR5, CR6, CS7 และ CS8 ที่ความเข้มข้นสูงกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอะพ็อพโทซิส (apoptosis) ในเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ยังพบว่า การไมโครเอนแคปซูเลทสารสกัดกัญชงด้วยโปรตีนเมทริกซ์ไม่สามารดดูดซับสารพฤกษเคมีจึงไม่เหมาะต่อการนำไปพัฒนาต่อ สรุปได้ว่ากัญชงมีศักยภาพในการต้านเบาหวาน (anti-diabetic) และ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง (anti-cancer) ซึ่งนำไปสู่ความก้าวหน้าในการวิจัยยาในอนาคต |
| รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
| เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
| ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
|---|---|---|---|---|
| 1 | ผศ.ดร. ธนากรณ์ ดำสุด | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 60 |
| 2 | ดร. อภิรดี โพธิพงศา | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
| 3 | รศ.ดร. เฉลิมพงษ์ แสนจุ้ม | คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | ผู้ร่วมวิจัย | 30 |